ถ้าพูดถึงกีตาร์ที่ไม่ได้แค่ “เล่นดี เสียงดี สีสวย” แต่ให้ความรู้สึกเหมือนถือศิลปะไว้ในมือ
James Tyler Guitars คือชื่อที่หลายคนพูดถึงในวงการระดับโลก
โดยเฉพาะนักดนตรีอาชีพและสายสตูดิโอที่เข้าใจว่า “เสียง” อย่างเดียวไม่พอ
สัมผัส, ดีไซน์, น้ำหนัก, และแม้แต่ “สีของตัวกีตาร์และเนื้อไม้” ทุกอย่างต้องมีความหมาย
ในโลกของ James Tyler กีตาร์ทุกตัวถูกออกแบบเหมือนผลงานศิลป์ชิ้นหนึ่ง
ไม่ใช่ของใช้ ไม่ใช่แค่เครื่องมือทำงาน
แต่เป็นอะไรที่ “อยู่กับคุณได้ตลอดชีวิต” และ บอกเล่าตัวตนของผู้เล่น ได้อย่างชัดเจน
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มจากชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า James Tyler เขาเริ่มเล่นกีตาร์ช่วง ม.1 ประมาณปี 1964 ตอนที่ The Beatles กำลังครองชาร์ต
เขาได้ Fender Duosonic ตัวแรกจากพ่อแม่ และจากจุดนั้น กีตาร์ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาไปเลย
ช่วงมัธยม เขาเริ่มรื้อกีตาร์เล่น ๆ เพื่อเปลี่ยนสีบ้าง ปรับสายบ้าง ซึ่งก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าใจโครงสร้างภายในโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นก็เริ่มซ่อมกีตาร์ให้เพื่อน ๆ พอเข้ามหาวิทยาลัย เขาเรียนทั้งสถาปัตยกรรม ดนตรี การออกแบบ เรียกว่าหลากหลายมาก และหารายได้ระหว่างเรียนจากการซ่อมกีตาร์ และทำงานเป็นช่างเครื่องให้รถยุโรปแบรนด์ดังอย่าง BMW กับ Alfa Romeo
พอเข้าสู่ช่วงปลายยุค 70 เขาก็เข้าไปทำงานที่ Norman’s Rare Guitars ซึ่งถือเป็นแหล่งรวมกีตาร์ระดับวินเทจใน California
และในปี 1980 เขาก็เปิดร้านซ่อมของตัวเองที่ Reseda แบบไม่มีหุ้นส่วน ไม่มีนักลงทุน ทำด้วยแรงกายแรงใจล้วน ๆ
ตอนนั้นเองที่ชื่อเสียงของเขาเริ่มแพร่กระจาย โดยเฉพาะในวงการสตูดิโอลอสแอนเจลิสที่กำลังบูม
เพราะมือกีตาร์ระดับท็อปอย่าง Steve Lukather, Michael Landau, Dann Huff, Abe Laboriel ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
“ถ้าอยากได้กีตาร์ที่ตรงใจ ต้องให้ James Tyler ทำ”
หน้าที่เข้าชม | 4,921,952 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,092,304 ครั้ง |
เปิดร้าน | 15 ก.ค. 2560 |
ร้านค้าอัพเดท | 20 ก.ย. 2568 |