สายกีตาร์
ชนิดของสายกีตาร์ ส่วนใหญ่ก็แบ่งออกเป็นสองชนิด ก็คือสายเหล็ก
กับสายเอ็น (nylon)
สายกีตาร์เหล็ก เป็นการจับคู่กันของ ลวดเหล็กเรียบ และลวดเหล็ก
ที่มีลวดพันรอบ สายที่เรียบมักจะเรียกว่า Plain (เช่นสาย 1,2 ของ
กีตาร์โปร่ง) สายที่มีลวดพันรอบ เรียกว่า wound (เช่นสาย 4-6)
สายที่เป็น Plain นั้น ผู้ผลิตบางรายก็เคลือบด้วยดีบุก เพื่อป้องกัน
สนิม ผู้ผลิตอย่างเช่น มาร์ติน(ซีรี่ย์ sp)
และ daddario (ซีรี่ exp)
เคลือบสายด้วย ทองเหลือง ลวดที่เป็นแกนกลางของสายชนิด
wound นั้น มีทั้งลวดกลม และลวดทรงหกเหลี่ยม แกนลวดทรงกลม
นั้น จะทำให้ลวดที่พันรอบ สามารถพันสัมผัสกับผิวได้แน่นที่สุด แต่
ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ เพราะความกลมนั้นทำให้ลวดที่พันรอบ
สามารถเลื่อนจากตำแหน่งที่พันได้ ถ้าคุณภาพการผลิตไม่ดีพอ
จึงเป็นที่มาของลวดแกนกลางทรง 6 เหลี่ยม เหลี่ยมที่เกิดขึ้น
จะเป็นตัวช่วยยึดให้ลวดที่พันรอบ สามารถเกาะกับแกนกลางได้
แน่น ผู้ผลิตอย่าง DR Strings
ยังคงทำสายกีตาร์โปร่ง ที่ใช้ลวดแกนกลางทรงกลม ในขณะที่ผู้
ผลิตรายอื่น ๆ อย่าง dad, GHS, Dean Markley Olympia
หรือพวกยุโรปอย่าง Pyramid ก็ใช้ลวดทรง 6 เหลี่ยมทั้งนั้น
บริษัท โทมาสติค ของออสเตรีย ใช้ลวดแกนกลางเป็นลวดหลายเส้น
ถักเข้าด้วยกันซึ่งเป็นกรรมวิธีของการผลิตสายไวโอลิน (โทมาสติค
มีชื่อเรื่องสายเครื่องสายตระกูลวิโอล) สายของโทมาสติคนั้นยืดหยุ่น
คล้ายสายเอ็น แต่ยังมีเสียงที่คมชัดแบบสายเหล็ก โลหะที่ใช้เป็นส่วน
ผสมของสายกีตาร์นั้น ก็มีหลายชนิด ขึ้นอยู่กับคุณภาพเสียง
ของโลหะนั้นเช่น นิเกิล, ชุบเงินทับ, ทองเหลือง หรือ ทอง สาย
Bronze หรือ 80/20 80/20 คืออัตราส่วนผสมของโลหะ ทองแดง
80 % ดีบุก 20 % สีที่ได้เป็นสีทอง เสียงที่ได้แหบท คมชัด และใส
ส่วนชนิด 85/15 ก็จะให้เสียงที่อุ่นขึ้นจาก 80/20 และสีของลวดก็จะ
เข้มขึ้น สายชนิด 80/20 เป็นสายที่ติดมากับกีตาร์จากโรงงานโดย
ส่วนใหญ่

สาย Brass ส่วนผสมของสายชนิดนี้ เริ่มจาก ทองแดง 80 % และ
สังกะสี 20 % จนไปถึง 60/40 ขึ้นอยู่กับผู้ผลิต สายชนิดนี้ เสียงจะ
แหลมใสกรุ๊งกริ๊งที่สุด ผู้ผลิตหลายรายมักจะเรียกสายชนิดนี้ว่า
Bright bronze
สาย Phosphor bronze ส่วนผสมของสายชนิดนี้คือ copper
alloy 90 % และ ดีบุก 10 % และเติม Phosphor ลงไปด้วยใน
ระหว่างกระบวนการผลิต ซึ่งไปเพิ่มความแข็งแรงของสาย และ
การต้านสนิม เสียงของสายชนิดนี้ จะนวลกว่าสายชนิด
80/20 และมีอายุยาวนานกว่าเล็กน้อย สีของสายก็จะเข้มกว่า

สาย Nickel สายชนิดนี้ เป็นการเคลือบสายด้วย nickel ซึ่งแกนของ
สายจะเป็นสายเหล็ก ซึ่งเหนี่ยวนำได้โดยสนามแม่เหล็ก จึงใช้กับกีตาร์
ไฟฟ้า หรือกีตาร์โปร่งที่ติด pu แบบกีตาร์ไฟฟ้า เสียงที่ได้จะทึบกว่า
สายกีตาร์โปร่ง สายชนิดนี้ มีทั้งเส้นเล็ก ๆ จนไปถึงเส้นขนาดใหญ่
(เช่นสายกีตาร์แจส) บริษัท DR ทำสายกีตาร์ชนิดนี้โดยใช้ชื่อการค้า
ว่า Zebras โดยใช้การผสมผสานระหว่าง nickel กับ phosphor
bronze เป็นผลทำให้ เสียงที่ได้ชัดเจนแบบสายกีตาร์โปร่ง และยัง
คงใช้กับกีตาร์ไฟฟ้าได้

สาย Flatwounds
ใช้ลวดทรงแบนพันรอบสาย เพื่อให้ลดเสียงนิ้วที่รูดสายไปมา
รวมไปถึงให้เสียงที่ทึบกว่าสายปกติ ใช้กับพวกกีตาร์ jazz
ทรง acrhtop หรือในกรณีที่ต้องการเสียงแบบนุ่มนวล

สาย Half-rounds
สายที่พันรอบ เป็นทรงแบบบริเวณผิวสัมผัส แต่บริเวณที่สัมผัส
แกนใน เป็นทรงกลม เสียงอยู่ระหว่างสาย Flat กับ round ใช้
ในสตูดิโอ ที่ต้องการลดเสียงรูดนิ้ว แต่ยังคงให้เสียงที่ใสแบบ
กีตาร์โปร่งอยู่บ้าง

สาย Coated
ใช้เคมีภัณฑ์บางประเภทเคลือบร่องของลวดที่พันรอบแกนกลางสาย
เหล็กเช่น Kaman (บริษัทผลิตกีตาร์โอเวชั่น) ใช้ teflon แต่ในยุค
แรก ๆ ที่ใช้ ยังไม่มีเทคโนโลยีที่ให้ teflon ติดกับร่องสายได้อย่าง
คงทน ต่อมา W.L.Gore ได้ผลิตผ้าใบชนิดพิเศษสำหรับทำเต๊นท์
แคมปิ้ง โดยผ้าที่เคลือบสารบางชนิดของ gore เรียกว่า goretex
ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษคือ น้ำไม่ผ่านผ้านี้ แต่อากาศสามารถผ่านได้
(น้ำที่ไม่ผ่านผ้าเต๊นท์ เช่น ละอองน้ำบนหลังคาเต๊นท์ หรือฝนตก
ไม่แรงมาก ถ้ายกถังน้ำราดล่ะก็ น้ำก็ผ่านได้นะครับ เพราะมวล
น้ำหนักของน้ำจะมากจน สารที่เคลือบไว้ทานแรงไม่ไหว เคยลอง
แล้ว แฮ่..)
แล้วบริษัทของ Gore ก็นำสารนี้ไปเคลือบบนสายกีตาร์ แล้วก็ใช้
ชื่อการค้าว่า Elixirs อันโด่งดังนั่นเอง การเคลือบสารที่ว่านี้
ทำเมื่อกระบวนการพันลวดรอบแกนหลักเสร็จสิ้นแล้ว ชนิดที่
เคลือบหนา เรียกว่า Polyweb ชนิดที่เคลือบบางเรียกว่า
Nanaoweb สายชนิดนี้ เสียงจะทึบกว่าสายที่ไม่ได้เคลือบ
ทึบมากน้อย ก็อยู่ที่ความหนาของการเคลือบ
บริษัท dad ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ก็คิดเทคนิคที่เคลือบสายนี้ แต่ใช้
เคลือบในลวดที่จะพันรอบแกนหลักก่อนที่จะพันแกนหลัก ไม่
เคลือบตามร่องของสายอย่าง Elixirs ซึ่งก็ทำให้เสียงใสขึ้น แต่ก็
ยังมีเสียงรูดนิ้วเอี๊ยดอ๊าดอยู่ dad อ้างว่า สาย 1-2 ที่เป็น Plain
นั้น Elixirs ไม่ได้เคลือบสายไว้ แต่ dad ได้เคลือบสายไว้ด้วยเทค
นิคนี้ dad ก็ใช้ทั้งสายเหล็ก และสายเอ็น สำหรับกีตาร์คลาสสิค
แต่เคลือบเฉพาะสาย 4-6 เท่านั้น โดยที่สาย 1-3 ใช้วิธีใช้วัสดุ
ผสม เป็นวัตถุดิบในการผลิต เช่น สายเอ็นในชุด Ej45c สาย
สามมีให้เลือกสองเส้น ทั้งชนิดธรรมดา และชนิดวัสดุผสม
(composite)

สายชนิด Silk+Steel
สายชนิดนี้ เป็นลูกผสมระหว่างสายเหล็กและสายไนลอน โดยที่แกน
หลักเป็นลวดเหล็ก และพันรอบด้วยใยไนลอนและพันลวดเหล็กทับ
รวม 3 ชั้น เคลือบทับด้วย Silver Plate สายชนิดนี้ จะให้แรงดึง
น้อยกว่าสายเหล็ก เสียงที่ได้ก็จะนวลและเบากว่าสายเหล็ก เหมาะ
สำหรับกีตาร์ตัวเล็ก ที่ไม่ได้ต้องการแรงดึงของสายมาก ๆ แต่
ไม่สามารถใช้กับกีตาร์คลาสสิคได้ สายที่ใช้กระบวนการ
Cryogenically Frozen เป็นกระบวนการที่ใช้การแช่แข็งที่
อุณหภูมิต่ำมาก ๆ โดยใช้ไนโตรเจนเหลวเป็นตัวให้ความเย็น
อุณหภูมิที่ใช้ในกระบวนการนี้คือ -320 องศา F สายเหล็กที่
โดนแช่ด้วยกระบวนการนี้ใช้เวลา 15 ชั่วโมง และค่อย ๆ
ให้คืนอุณหภูมิปกติ โดยเชื่อกันว่า กระบวนการนี้ไปเปลี่ยน
แปลงโมเลกุลของสสารนั้น ผู้ใช้สายชนิดนี้หลายรายกล่าวว่า
ให้เสียงที่คมชัดขึ้น กังวาลมากขึ้น และอายุยืนยาวขึ้น
บริษัทที่ใช้เทคนิคนี้คือ Dean Markley ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ชื่อ
ว่า BlueSteel กระบวนการนี้ใช้ได้เฉพาะสายโลหะเท่านั้น
สายไนลอนไม่สามารถทำได้
สาระประโยชน์ที่ค้นเจอเลยเอามาฝากกัน