ปี พ.ศ.2482 มีวงดนตรีสุนทราภรณ์ มีครูเอื้อ สุนทรสนาน แสดงในงานสังสรรค์รื่นเริง
งานเทศกาล เกิดวงดนตรีใหม่ๆ มากขึ้น มีวงดนตรีในร้านอาหาร ภัตตาคาร ไนต์คลับ
ดนตรีเพื่อความบันเทิงและการเต้นรำ มีอาชีพรับจ้างเล่นดนตรี อาทิ เป็นนักดนตรี เป็น
นักร้อง เป็นนักประพันธ์เพลง นักเรียบเรียงเพลง ผู้ควบคุมวง งานรับจ้างดนตรีแบบหา
ค่ำกินเช้า ไม่มีหลักประกัน แบบจ้างทำของ จ้างงานเป็นชิ้น เลิกจ้างเมื่อไหร่ก็ได้ ขึ้น
อยู่กับนายจ้าง นักร้องนักดนตรีไม่มีอำนาจต่อรองกับนายจ้าง ค่าจ้างราคาถูก เป็นลูก
จ้างที่ไม่มีทักษะ
พ.ศ.2489 วงดนตรีต้องออกเดินสายเพื่อไปแสดงในพื้นที่ต่างๆ เริ่มจากวงดุริยะโยธิน
ทั้งเปิดการแสดงเองและมีคนว่าจ้างไป อาชีพนักร้องนักดนตรีก็เร่ร่อนไปเรื่อย เป็นอา
ชีพรับจ้างเล่นดนตรี ตกงานบ้าง ได้งานบ้าง ศิลปินยุคนั้นสร้างงานและเล่นเพลงของ
ตนเอง นักร้องนักดนตรีทำงานรับค่าจ้างจากหัวหน้าวง โดยการเปิดวิกแสดงเก็บค่า
ผ่านประตู เกิดเป็นวงดนตรีลูกทุ่ง นักร้องลูกทุ่ง อาชีพเล่นดนตรีในห้องอาหารและ
ไนต์คลับ
ยุคทองของแผ่นเสียง เทป เข้ามาประมาณ พ.ศ.2506 ซีดีเกิดขึ้นประมาณ พ.ศ.2525
ซึ่งทำให้เกิดธุรกิจการทำเพลงซ้ำๆ เพื่อขายเพลงเป็นสินค้า การผลิตเพลงเป็นอุตสาห
กรรม ผลประโยชน์ก็ตกอยู่กับเจ้าของธุรกิจ
เมื่อถึงยุคที่แผ่นเสียง เทป และซีดีหายไป พ.ศ.2553 โรงงานแผ่นเสียง เทป ซีดี ห้อง
บันทึกเสียงปิดตัวลง การบันทึกเพลงเพื่อขายผลงานทำได้ยากขึ้น ลูกค้าเพลงเปลี่ยนไป
การผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ฟังเพลงเปลี่ยนไป ผู้ฟังเลือกฟังเพลงได้จากคอมพิวเตอร์ จากมือถือ
ซึ่งง่ายและสะดวกกว่า
ธุรกิจเพลงและอาชีพดนตรีเปลี่ยนไป ตกอยู่ในมือของบริษัทใหญ่ระดับโลกข้ามชาติ
(กูเกิลและยูทูบ) ที่ทุกคนต้องจ่ายค่าหัวคิว ศิลปินเพลงทุกคน ทุกวง ต่างพยายามผลิต
ผลงานเพลงออกสู่ตลาดโลก ต้องซื้อหัวคิวเพื่อให้ผู้ฟังกดฟังหรือกดเป็นสมาชิก
พ.ศ.2537 กฎหมายลิขสิทธิ์เพลงมีบทบาท กฎหมายคุ้มครองสิทธินับจากผู้สร้างผลงาน
เสียชีวิตไปแล้ว 50 ปี นักร้องที่เคยทำงานให้บริษัทค่ายเพลง เมื่อลาออกจากบริษัทไป
แล้วก็ไม่สามารถร้องเพลงตัวเองได้ มีการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลงในราคาแพง สำหรับอา
ชีพดนตรีซึ่งมีรายได้ในชีวิตประจำวันที่ต่ำ ไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่าลิขสิทธิ์เพลงได้ อาชีพ
บีบให้ต้องสร้างงานเพลงขึ้นใหม่ เพื่อใช้ประกอบอาชีพทำมาหากิน
เทคโนโลยีดนตรีเปลี่ยนไป การนำเทคโนโลยีมาใช้ทำงานเพลงแทนนักดนตรีที่มีชีวิต
การผลิตงานเพลงเพื่อขายซ้ำๆ ก็ทำได้ยากเพราะไม่มีลูกค้า ปัจจุบันธุรกิจเพลงได้มุ่งไปที่
การแสดงดนตรีสดทำให้ฝีมือนักร้องและนักดนตรีพัฒนาสูงมากขึ้น ดนตรีสดกลับมีบทบาท
ใหม่ นักร้องนักดนตรีต้องมีฝีมือและคุณภาพสูงเท่านั้น
ยังมีการแสดงเพลงเก่าของศิลปินแก่ ก็ขายงานยาก ทำได้แค่โหยหาอดีต ซึ่งแค่อดีต
ทำเป็นอาชีพไม่ได้ ในการเลียนแบบตัวเอง การรำลึกอดีตของศิลปิน “20 ปี 30 ปี 35
ปี” ทำได้สำหรับผู้ฟังรุ่นเก่าที่ยังโหยหาอดีต แต่ก็เป็นอดีตที่ไม่เหมือนเดิม เพราะวันเวลา
อายุ และบริบทของสังคมเปลี่ยนไปแล้ว
สำหรับผลงานดนตรีอิเล็กทรอนิกส์นั้น สามารถที่จะทำงานได้ง่าย แต่ขายได้ยาก เป็นอา
ชีพที่หารายได้ยากและถึงทางตันเร็ว ทุกวันนี้ไทยผลิตเทคโนโลยีเองไม่ได้ ต้องซื้อเทค
โนโลยีจากต่างประเทศ เมื่อไม่มีคนนิยม ผลงานดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ก็ตายไปโดยปริยาย
เมื่อโควิดโจมตีไทยตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2563 ทำให้งานแสดงดนตรีสดในร้าน
อาหารไนต์คลับ ภัตตาคาร คาราโอเกะ ต้องหยุดหมด ทำให้อาชีพนักร้อง นักดนตรี
ช่างเสียง ช่างไฟเวทีแสงสีเสียงตกงานหมด เกิดอาชีพดนตรีแบบใหม่ขึ้นในรูปแบบออนไลน์
สอนดนตรีออนไลน์เล่นดนตรีออนไลน์ ทำเพลงออนไลน์ เมื่อโควิดโจมตีไทยยาวนาน
มาถึงเดือนมีนาคม พ.ศ.2565นักดนตรีอาชีพเริ่มกลับมาสู่ภาวะที่พอจะเปิดตัวได้
อาชีพนักร้องนักดนตรีในยุคใหม่ ต้องมีฝีมือระดับนานาชาติเท่านั้นถึงจะอยู่ได้ อาทิ ลลิษา
มโนบาล (ลิซ่า) เนื่องจากประเทศไทยและการขับร้องเพลงไทยมีลูกค้าไม่เพียงพอที่จะ
ขายเพลงเป็นอาชีพ ตลาดต้องการเพลงใหม่ๆ ตลอดเวลา อายุเพลงมีเวลาจำกัดเพราะจะ
ผ่านไปเร็ว ความ
รู้สึกนึกคิดเปลี่ยนไป ลูกค้าเป็นคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นผู้กำหนดตลาด เพลงมีอายุแค่ 3 นาที
ฟังได้ครั้งเดียว เพลงก็ตายแล้ว
ขณะเดียวกัน ตลาดเพลงสากล เป็นตลาดที่กว้างมาก มีศิลปินใหม่ๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก
และมีผลงานเพลงออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในอังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย เป็นต้น
การประกวดดนตรีระดับชาติและระดับนานาชาติที่จัดขึ้นภายในประเทศและจัดขึ้นในต่าง
ประเทศพบว่า เด็กไทยที่เข้าประกวดมีคุณภาพสูงมาก และที่สำคัญก็คือมีความเป็นสากล
เด็กไทยที่เก่งจำนวนหนึ่งมีความสามารถทางดนตรีสูง โดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปี
อาทิ นักเปียโน เครื่องสาย เครื่องเป่า กลอง และนักร้อง ทำให้สงสัยว่าเด็กไทยเหล่านี้มา
จากไหนและจะไปอยู่ที่ไหนต่อไป
ยังพบว่าเด็กที่เล่นดนตรีพื้นบ้าน เด็กที่เล่นดนตรีไทย ไม่มีพื้นที่และมีการพัฒนาฝีมือน้อย
มาก ได้แต่เลียนแบบและทำซ้ำๆ เท่านั้น แนวโน้มดนตรีพื้นบ้านและดนตรีไทยจะหายไป
จากสังคมไทยในระยะ 5-10 ปี
เด็กที่เก่งดนตรีในปัจจุบันเป็นดนตรีสากล จำนวนหนึ่งไม่เข้าเรียนดนตรีในระดับอุดมศึกษา
ไทย เพราะเด็กและพ่อแม่เห็นว่าอาชีพดนตรีของลูกไม่มีอนาคต อุดมศึกษาไทยในปัจจุบัน
ไม่สามารถสร้างอาชีพดนตรีให้นักดนตรีมีฝีมือได้ เด็กที่เก่งดนตรีส่วนหนึ่งเลิกเรียนดนตรี
แล้วไปเรียนอาชีพ อื่นๆ หากจะเรียนดนตรีเพื่อการอาชีพก็จะไปต่างประเทศ สิงคโปร์ นิว
ซีแลนด์ ออสเตรเลีย อังกฤษ เยอรมนี ออสเตรีย อเมริกา แคนาดา เป็นต้น
เมื่อเรียนจบดนตรีในต่างประเทศแล้ว ส่วนใหญ่อยู่ทำงานต่อเพราะมีฝีมือ ทำมาหากินอาชีพ
ดนตรีในต่างประเทศได้ เป็นนักดนตรีอาชีพในวงซิมโฟนี อาทิ ที่ฮ่องกง สิงคโปร์ เยอรมนี
ออสเตรีย อังกฤษ อเมริกา เป็นอาจารย์สอนดนตรีในต่างประเทศ เพราะกลับมาเมืองไทยก็
ไม่มีงานทำ รายได้ต่ำ คุณภาพชีวิตต่ำ
หากมีงานดนตรีขนาดใหญ่ที่ว่าจ้างโดยทุนของรัฐ (ท่องเที่ยว/วัฒนธรรม/ศึกษา/ต่างประเทศ)
งานก็จะตกอยู่ในมือของบริษัท (เอเยนซี่) โดยรัฐจ้างในราคาแพง แต่นักดนตรีได้ค่าจ้างราคาถูก
เงินส่วนใหญ่กลายเป็นค่าจัดการ ค่าเช่าวัสดุอุปกรณ์ ในที่สุดงานอาชีพดนตรีก็ไม่สามารถสร้าง
สรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้ขึ้นได้
สำหรับอาชีพครูดนตรี (สากล) ในเมืองจำนวนหนึ่ง อาทิ ครูเปียโน ครูไวโอลิน ครูเชลโล
ครูขับร้อง ครูกีตาร์ ครูฮาร์ป จะมีรายได้ค่าสอนเป็นรายชั่วโมง ครูที่มีฝีมือสามารถกำหนด
ราคาค่าสอนเองเป็นรายชั่วโมงได้ (2,000-4,000 บาท) ครูดนตรีที่เก่งเด็กต้องเข้าคิว
คอยคิวนาน และครูสามารถสร้างเด็กให้เก่งได้
วันนี้ครูดนตรีในโรงเรียนนานาชาติส่วนมากเป็นฝรั่ง พ่อแม่ก็เชื่อถือว่าฝรั่งเก่งกว่า ส่วนคน
เก่งดนตรีของไทยก็ไปทำมาหากินในต่างประเทศ เพราะว่าการศึกษาไทยไม่สอนให้คนมี
ระเบียบ ไม่สอนให้รับผิดชอบหน้าที่ ไม่สอนให้เป็นคนเก่งและเป็นคนดีในคนคนเดียวกัน
เมื่อเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง พ.ศ.2540 นักดนตรีต่างประเทศที่อาศัยทำมาหากินในเมือง
ไทยที่มีอยู่ 30,000 คน ก็ต้องกลับบ้านหมด วันนี้ พ.ศ.2565 เมื่อน่านฟ้าเปิด อาชีพ
ดนตรีก็จะมีงานมากขึ้น แต่ถ้างานไหนที่มีราคาแพง ก็จะมีนักดนตรีต่างชาติได้งาน
เพราะเอเยนซี่ที่จัดหางานในสิงคโปร์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ก็จะจ้างนักดนตรีนานาชาติ
มาทำงานในโรงแรมชั้นหนึ่งและในพื้นที่สากล หรือพื้นที่ที่มีบรรยากาศแบบนานาชาติ
“อาชีพดนตรีจะไปต่ออย่างไร” ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง
บทความ ดร.สุกรี เจริญสุข
เผยแพร่ที่ มติชนออนไลน์