เกี่ยว กด รูด เคาะ เกา กระแทก เพื่อให้เกิดเสียง
ไม่ว่าจะเป็นมือกีตาร์ มือเบส แซกโซโฟน เปียโน ไวโอลิน
ล้วนแล้วแต่ต้องใช้นิ้วทั้งนั้น จึงจัดว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญมากของ
สำหรับนักดนตรี หากเกิดเหตุที่ทำให้นิ้วบาดเจ็บก็จะเป็นอุปสรรค
ในการเล่นอย่างแน่นอน ซึ่งไม่ว่าเหล่านักเปียโน เครื่องสายต่างๆ
หรือแม้แต่เครื่องเป่าที่ ก็มีใครไม่พึงประสงค์อาการบาดเจ็บที่นิ้ว
หรือหากเกิดขึ้นโดยเหตสุดวิสัยบางคนก็แก้ไขได้ บางคนก็แก้ไข
ให้เหมือนเดิมไม่เต็ม 100% ก็มี อาการเหล่านั้นมันคืออะไร แล้ว
ทำไมถึงเป็นอุปสรรคได้มือเปียโน หรือมือเครื่องสายต่างๆ ล้วน
ใช้นิ้วทั้งซ้ายและขวาในการเล่นเครื่องดนตรีของเขา บางคนนิ้วที่
เคยใช้งานคล่องแคล่ว วันดีคืนดีอาจเกิดอาการบางอย่างที่ทำให้
สูญเสียหรือบั่นทอนความคล่องแคล่วนั้นลงไปได้ ดังเช่นตัวผู้
เขียนเองเคยอาการที่เรียกกันว่า“นิ้วล้อค” เป็นที่นิ้วมือข้างซ้าย
ถึงจะเป็นแค่นิ้วเดียวก็ทำไม่สามารถเล่นกีตาร์ได้เลยอาการที่ว่า
คือเมื่อกดสายกีตาร์ไปแล้ว นิ้วจะงอค้างอยู่อย่างนั้น ไม่สามารถ
คลายให้ตรงได้

อย่างลูกศิษย์ที่เล่นเบสบางคนเป็นที่นิ้วที่ใช้ดีด
เบสข้างขวา อาการก็คือเมื่อดีดสายเบสแล้วนิ้วก็งออยู่อย่างนั้น
เช่นกัน ไม่สามารถยกขึ้นมาได้ และมีอาการปวดอย่างมากขณะ
นั้น ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการฝึกและการเล่นกับวงเป็นอย่างมาก
ทางแก้ที่สามารถใช้แก้ปัญหาได้ก็คือต้องหาวิธีใหม่ในการใช้มือ
ขวา บางคนก็ถือโอกาสฝึกดีดด้วยปิ้คไปเลย และไม่กลับมาใช้นิ้ว
ดีดอีก แต่สำหรับบางวงที่แนวเพลงค่อนข้างเด่นในการดีดด้วยนิ้ว
ก็พยายามแก้ด้วยการใช้เทคนิคอื่นๆ เช่นหันมาลองฝึกดีดด้วยนิ้ว
โป้งผนวกกับเทคนิคที่เรียกว่า Palm Mute แต่ก็แอบกังวลว่าถ้า
ใช้นิ้วโป้งไปนานๆ มันจะทำให้นิ้วโป้งล้อคตามไปด้วยหรือไม่
คนนี้เป็นที่นิ้วกลาง ก็เลยให้ลองใช้นิ้วนางเข้ามาแทนที่ในบางเวลา
เพราะการเล่นด้วยปิ้คยังไม่ตอบโจทย์ลักษณะเพลงที่เล่นอยู่ในปัจ
จุบันอีกคนหนึ่งเป็นมือคีย์บอร์ดมีปัญหาที่นิ้วมือข้างซ้ายที่ใช้กด
ลิ่มคีย์

อาการก็ดังเดิมคือกดลงไปแล้ว ไม่สามารถยกขึ้นมาเพื่อกด
ช่องอื่นต่อไปได้ ไปกายภาพบำบัดก็เหมือนจะช่วยได้บ้างบางครั้ง
แต่ก็ยังกลับมาล้อคได้อีกเป็นระยะๆ ช่วงที่อาการเป็นเยอะ ก็พยา
ยามให้เล่นแบบไม่ต้องสนใจรูปมือ แต่ก็ยังมีอาการเผลอใช้รูปมือ
แบบที่เคยชินเคยฝึกมาบ้าง อันนี้ก็เสียวๆ เรื่องผ่าอยู่เช่นกันว่ามัน
จะสามารถกลับมาเป็นปกติเหมือนก่อนมีอาการได้หรือไม่ คุณหมอ
ก็ไม่ฟันธงอีกเช่นเดิมบางคนถ้าไม่อยู่ในสภาพตอนเล่นดนตรี นิ้วก็
ทำอะไรๆ ได้ตามปกติ แต่ถ้าจับเครื่องดนตรีเมื่อไหร่จะเกิดอาการ
ทันที แบบนี้ก็ไม่เรียกอาการนิ้วล้อคปกติ แต่เป็นอาการที่เรียกว่า
“Musician Dystonia” ซึ่งไม่สามารถใช้นิ้วนั้นๆ ทำอะไรซ้ำๆ ได้
เช่นการดีดเบสหรือกดลิ่มเปียโน เป็นต้น เหมือนจะเป็นอาการจาก
สมองสั่งการไปยังเส้นประสาทแล้วเกิดการขัดข้องบางประการ
เป็นเฉพาะเวลาเล่นดนตรีเท่านั้น จึงเรียกว่าเป็นอาการของเหล่า
นักดนตรีโดยเฉพาะ ยังไม่เห็นการหายขาดจากอาการนี้แต่อย่างใด
ได้แต่ปรับวิธีการเล่นโดยหยุดใช้นิ้วที่มีปัญหาไปเลย แต่ก็ยังสา
มารถเล่นได้ เพียงแค่ใช้เวลาในการฝึกนิ้วที่มาแทนอย่างทรหดอด
ทนอย่างยิ่งยวดปัญหาต่างๆ บางทีแก้ไขได้ด้วยการผ่าตัด เช่น

ผมเคยดูคลิปหมอที่ฉีดยาชาเข้าไปในนิ้วที่ล้อคของคนไข้ แล้ว
ใช้อุปกรณ์เข้าไปแคะเขี่ยจุดที่คาดว่ามีปัญหา หลังจากใช้เวลาไม่กี่
นาทีหมอสั่งให้คนไข้ลองกระดิกนิ้วนั้น ก็สามารถกระดิกได้ จากที่
ก่อนทำนั้นงอแล้วงอเลย กระดิกไม่ได้ แต่สำหรับนักดนตรี มันมีอะ
ไรที่มากกว่าการกระดิกนิ้วได้ ซึ่งถ้าไม่ได้รับการยืนยันจากแพทย์
ว่ากลับมาเล่นได้เหมือนเดิมแน่นอน ก็ยังไม่มีนักดนตรีคนไหน
อยากเสี่ยง (ซึ่งแพทย์ที่ไหนจะกล้ารับรอง 100% ขนาดนั้น)
ดังนั้นการแก้ปัญหาทางสรีระของนักดนตรีจึงอาจเลือกการเปลี่ยน
วิธีเล่น หรือทำอะไรก็ได้ที่จะช่วยบรรเทาหรือทำให้ผ่านอุปสรรคนั้นๆ
ไปให้ได้ ซึ่งคนที่ทำแล้วประสบผลสำเร็จก็มีให้เห็นอยู่ในวงการปัจ
จุบัน บางคนก็ประคับประคองเพื่อให้สามารถใช้ความสามารถด้าน
ดนตรีเป็นอาชีพได้อยู่ในทุกวันนี้ การใช้สรีระของนักดนตรีจึงถือว่า
ต้องให้ความเอาใจใส่และหมั่นสังเกตเมื่อเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ
ไม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะส่วนที่เราใช้บรรเลงเครื่องดนตรีทุกวันๆ
ลองสังเกตตัวเราดูว่ามีอะไรแปลกๆ ในการบรรเลงบ้างไหมหนอ…..
